tag:blogger.com,1999:blog-84723455818300368452024-03-05T16:16:04.068-08:00WriteALongบันทึกเรื่องในแต่ละวัน
ซีรีส์บ้าง ความรู้บ้าง
ขอบคุณที่แวะเข้ามานะคะ ^^JPhttp://www.blogger.com/profile/03719715854530734370noreply@blogger.comBlogger6125tag:blogger.com,1999:blog-8472345581830036845.post-29676059356320577542020-10-28T09:39:00.000-07:002020-10-28T09:39:23.497-07:00แชร์ประสบการณ์มีรถครั้งแรก - 1 (2020)<p> เราเป็นคนที่สมัยเรียน และตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ไม่ได้มีความคิดอยากได้รถยนต์เลย สาเหตุมาจาก</p><p>1. เรามองว่ารถเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซื้อมาแล้วราคาตกเลย</p><p>2. เราชอบนอนเวลานั่งรถ มันสบาย </p><p><br /></p><p>ความคิดเราเปลี่ยนไป พอเริ่มทำงานไปเรื่อยๆ ความคิดก็เปลี่ยนไป จากที่ไม่อยากได้ อยู่ดีๆ ก็อยากได้ขึ้นมาซะงั้น</p><p><br /></p><p style="text-align: center;"><i>อยากได้เพราะหดหู่กับระบบคมนาคม </i></p><p><br /></p><p>วันที่หดหู่ที่สุดในชีวิตคือ วันฝนตก เรียกแท็กซี่ไปแถวบ้านก็ไม่ไป ยืนรอรถโดยสารนานมากๆ ทั้งโกรธทั้งโมโหกับระบบคมนาคมของไทย </p><p><br /></p><p>นอกจากความหดหู่ อีกความคิดที่ทำให้อยากได้รถคือตอนที่ติดรถคนอื่นบ่อยๆ รบกวนคนอื่นบ่อยๆ ติดรถไปประชุมบ้าง ไปทำงานบ้าง ไปเที่ยวบ้าง</p><p><br /></p><p>อยู่ๆมันก็อยากได้ขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ อยากได้ขนาดว่าเปิดดูราคาเรื่อยๆ เลือกดูเรื่อยๆ ไปโชว์รูม ไปลองนั่ง ถามราคา คุยกับเซลล์ ตั้งใจว่าเราซื้อแน่ๆ ไม่ปีนี้ก็ปีหน้าแหละ เราจะได้มีรถไปไหนมาไหนสะดวกสักที ไม่ต้องรบกวนคนอื่น ( เรามีเหตุผลในการซื้อให้ตัวเองเสมอ เวลาอยากได้อะไรสักอย่าง ^^ )</p><p><br /></p><p>พออยากได้มากๆ จู่ๆมันก็ได้มาแบบไม่ตั้งตัวเลย </p><p><br /></p><p>เนื่องจากญาติเราจะซื้อรถใหม่ เค้าเลยจะปล่อยคันเก่าที่เค้ามีอยู่ เราสนใจทันที เพราะเรานั่งรถคันนี้บ่อย ถึงน้องจะหลายปีแล้ว แต่น้องยังสภาพดีมากๆ อยู่เลย </p><p><br /></p><p>แล้วก็ได้น้องมา ซื้อเงินสด 150,000 บาทถ้วน</p><p><br /></p><p>วันแรกที่ได้รถมา ตอนนั้นไปเอารถที่อู่ แล้วพี่ก็โยนกุญแจให้เราขับกลับเลย จำได้ว่าตอนออกถนนในกรุงเทพครั้งแรกมือชุ่มเหงื่อไปหมด </p><p><br /></p><p>ตอนนั้นมีใบขับขี่แล้วนะ พึ่งไปเปลี่ยนจาก 2 ปี เป็น 5 ปี แต่สองปีที่ผ่านมา เราไม่ได้ขับใน กทม เลย 😅 มีขับนิดหน่อยเวลากลับบ้านต่างจังหวัด เอาง่ายๆว่าขับไม่คล่องเลยแหละ</p><p><br /></p><p>แผลแรก ตอนได้รถมาใหม่ๆ เอาไปขูดกับกำแพง ถอยชนกำแพงเฉยเลย 555+</p><p><br /></p><p>ตอนนี้มีรถแล้ว เรารู้สึกว่าเราโตขึ้นนิดหน่อยนะ จากปกติที่ไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์เลย ตอนนี้เรารู้เรื่องขึ้นนิดหน่อย ประสบการณ์เปิ่นๆเรามีเยอะ เช่น</p><h3 style="text-align: left;"><b>1. ไฟรถ อย่าเปิดทิ้งไว้เชียว</b></h3><p>เราเผลอเปิดไฟในรถทิ้งไว้ ( น่าจะเป็นตอนไปหาของสักอย่าง แล้วลืมปิด ) กลับมาอีกที รถสตาร์ทไม่ติดเลยจ้า ได้เปลี่ยนแบตใหม่เลย ( สองพันกว่าบาท 😒 )</p><p><br /></p><h3 style="text-align: left;"><b>2. หมั่นเช็คลมยาง</b></h3><p>ใครเติมไม่เป็น ขับเข้า B-quick หรือปั้มไหนก็ได้ วานคุณพนักงานช่วยเติมให้ เสร็จแล้วอย่าลืมให้ทิปด้วยน้า</p><p>วิธีดูว่าจะเติมเท่าไหร่ ให้ลองดูที่มุมๆ ข้างประตูที่นั่งคนขับ จะมีเขียนไว้อยู่ </p><p><b>วิธีเติมลมยาง</b></p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><iframe allowfullscreen="" class="BLOG_video_class" height="374" src="https://www.youtube.com/embed/9mkkdogdLds" width="450" youtube-src-id="9mkkdogdLds"></iframe></div><p><br /></p><h3 style="text-align: left;">3. หมั่นตรวจสอบของเหลวต่างๆ</h3><p>ตอนแรกเรางงมาก ไม่รู้อะไรอยู่ตรงไหน แต่บอกเลยว่าทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ชิน ( เราเอ๋อขนาดเปิดกระโปรงหน้ารถยังไม่เป็นเลย ช่วงแรกๆ )</p><p><br /></p><p><b>สิ่งที่ต้องเช็ค </b></p><p>3.1 กระปุกใส่น้ำฉีดกระจก</p><p>3.2 น้ำมันเครื่อง</p><p>3.3 น้ำยาหล่อเย็น</p><p>3.4 น้ำในหม้อน้ำ</p><p><br /></p><p><b>วิธีดูแลรถเบื้องต้น </b></p><p>เราอาศัยดูจากคลิปเหล่านี้ ช่วยได้เยอะเลย 😀</p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><iframe allowfullscreen="" class="BLOG_video_class" height="403" src="https://www.youtube.com/embed/I-_8NCWF9Uk" width="485" youtube-src-id="I-_8NCWF9Uk"></iframe></div><br /><p><br /></p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><iframe allowfullscreen="" class="BLOG_video_class" height="414" src="https://www.youtube.com/embed/xucwVeEc-LM" width="498" youtube-src-id="xucwVeEc-LM"></iframe></div><br /><p><br /></p><p>แนะนำให้ฝึก ช่วงแรกๆเราทำใจแค่เปิดฝากระโปรงออกมา เติมน้ำฉีดกระจก ลองดึงนั่นดึงนี้ออกมาดูตามคลิปในยูทูป มันเขินๆ งงๆ หน่อยช่วงเริ่มต้น ไม่รู้อะไรอยู่ตรงไหน ดูยังไง แต่ลองๆทำไปสัก 2-3 ครั้งเดี๋ยวก็จับทางได้เอง </p><p><br /></p><h3 style="text-align: left;">4. รถใหม่เสมอ ถ้าดูแลดี</h3><p>หมั่นล้าง ดูดฝุ่น ทำความสะอาดน้องบ่อยๆ ล้างแอร์ก็ช่วยนะ แล้วถ้าร้านไหนที่พนักงานดูแลดีหน่อย เขาจะช่วยเราเย็น ไม่ใช่เฉพาะเรื่องทำความสะอาด แต่บางที่แนะนำด้วย ว่าส่วนอื่นจะน่ามีปัญหา</p><p><br /></p><p>มีครั้งนึง เราเคยโดนพนักงานร้านล้างรถทักว่า "<i>ลมยางอ่อนนะครับ ปกติพวงมาลัยมาสด้าไม่หนักขนาดนี้</i>" พอเค้าเช็คให้ โอ้โห ล้อหลังเหลือ 27 จากปกติ ควรจะเป็น 32 ทั้ง 4 ล้อ</p><p><br /></p><p>ขอบคุณมากค่ะที่ทัก แถมยังช่วยเติมให้ด้วย </p><p><br /></p><h2 style="text-align: left;">ความคิดหลังมีรถ</h2><p>แต่ตั้งแต่มีรถมา เราใช้รถน้อยมาก จู่ๆก็กลายเป็นคนติดบ้านขึ้นมากะทันหัน ขับน้อยมาก กะว่าจะขับไปทำงาน แต่สุดท้ายก็นั่งวินเหมือนเดิม เนื่องจาก</p><p><b>1. ขับรถใน กทม เหนื่อยมาก </b></p><p>รถเยอะ รถติด จ้องระวังมอเตอร์ไซต์ เอาไปที่ทำงานด้วยก็ต้องเสียค่าที่จอดเพิ่มอีก</p><p><br /></p><p><b>2. มีรถเหมือนมีลูก</b></p><p>ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเยอะมาก ไม่ใช่ค่าน้ำมันนะ แต่เป็นค่าซ่อมบำรุง อาจจะเพราะรถเก่า บวกกับเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์มากขนาดนั้น</p><p><br /></p><p>วันนั้นเราเอารถไปซ่อมเพราะน้ำหยด เราดูแล้วน่าจะเป็นเพราะท่อ หรือถังน้ำฉีดกระจก กะว่านิดหน่อย ไม่น่าเกิน 1,000 บาท</p><p><br /></p><p>พอเอาไปซ่อม ช่างเช็คให้ มันไม่ได้มีแค่ถังรองน้ำฉีดกระจกอย่างเดียว อย่างอื่นก็เริ่มไปแล้ว ไม่พังวันนี้ เดี๋ยวอนาคตก็ต้องได้เปลี่ยน</p><p><br /></p><p>เราโดนไปเกือบ 5 หมื่น เราก็บ้าจี้เปลี่ยนตามหมดด้วยนะ เรากลัวเผื่อมันไปดับกลางถนน ไม่รู้จะโทรหาใคร😅</p><p><br /></p><p>บอกเปลี่ยนก็เปลี่ยนอ่ะ เอาสบายใจ</p><p><br /></p><p><b>3. พาเราโตขึ้น</b></p><p>ตั้งแต่มีรถ เรามั่นใจเวลาขับรถเยอะขึ้น รู้เรื่องเครื่องยนต์มากขึ้น และประหยัดค่ากินค่าเที่ยว เพราะต้องเอามาใช้กับรถ คิดเผื่อไว้ตลอด ทั้งประกัน ซ่อม เปลี่ยนอะไหล่</p><p><br /></p><p style="text-align: center;"><i>มีรถก็ทำเราโตขึ้นนะ แต่ก็ทำเงินเก็บน้อยลงด้วย เอาไปลงกับรถหมด 555</i></p><p><br /></p><p><br /></p>JPhttp://www.blogger.com/profile/03719715854530734370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8472345581830036845.post-25420668572553689942019-12-13T22:02:00.001-08:002019-12-13T22:02:19.385-08:00Day2# เห็นของที่ตัวเองเขียนบนหน้าจอแล้วรู้สึกดีมากๆเลยเขียนหลังจากทำงานอาทิตย์แรก<br />
<br />
ตอนนี้เราแบ่งหน้าจอบางส่วนของเว็บไซต์มาทำ<br />
ที่มีปัญหามากสุดตอนนี้ น่าจะเป็น skill CSS ของเราเอง<br />
โดยเฉพาะเรื่อง layout ที่เราใช้เวลานานมากๆกว่าจะให้ได้ออกมาตามที่ต้องการ<br />
<br />
จนบางครั้งทำไปทำมารู้สึกว่าใช้เวลานานเกินไปและ ไม่ได้สักที เลยต้องเดินไปสะกิดโต๊ะคนข้างๆที่เป็น mentor คนนี้โดนมอบหมายมาให้สอนงานเราช่วง probation นี้<br />
<br />
เราก็เดินไปแล้วบอกกับเค้าว่า เราติดปัญหาตรงนู้น นี่ นี่ นั่น (วันๆนึงสะกิดประมาณ 4-5 รอบได้)<br />
<br />
เค้าฟังๆ บางอันถ้าแก้ได้ตอนนั้นเลย เค้าก็จะบอกวิธี แล้วเราก็แก้โค้ดในเครื่องเราเอง<br />
<br />
แต่อันไหนที่มันเริ่มยิบย่อย แก้อันนู้น กระทบอันนี้<br />
ถ้าเค้าไม่ยุ่งมาก ก็จะใช้วิธีให้เรา push code ขึ้น git ไปก่อน<br />
เดี๋ยวเค้าลองดูให้ ถ้าแก้เสร็จแล้วเดี๋ยวเราเค้า pull มา merge แล้วทำต่อ<br />
<br />
<br />
เราทำงานที่นี่แค่ได้แค่อาทิตย์เดียว แต่รู้สึกว่าตัวเองทำงานเป็นระบบขึ้นเยอะ<br />
ที่นี่มีระบบงานชัดเจน<br />
เข้า ออก งานตรงเวลา<br />
หรือถ้าอยากทำเพิ่มค่อยแจ้งไปที่ Project manager (PM)<br />
<br />
<br />
ส่วนเรื่องการเขียนโค้ด และการจัดการ ที่ใช้อยู่คือ Github และ Jira<br />
Task ถูกวางไว้หมดเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ก่อนเราจะเข้ามา<br />
หน้าที่ตอนนี้คือเราเลือกหยิบบาง task ที่จะทำไป<br />
ทำเสร็จก็อัพเข้า git รอรีวิว<br />
<br />
เวลาเราทำ เราเลือกทำเป็น feature<br />
ตอนเริ่มทำคือให้สร้าง branch ใหม่ไปเลย ตั้งชื่อ branch เป็นรหัส task เหมือนใน Jira<br />
Task ที่หยิบมาทำก็จะเป็น task ย่อยๆ<br />
ทำเสร็จก็ merge เข้า branch “develop”<br />
พอทำครบเรียบร้อยทุก task ย่อยๆ อันนึงเรียบร้อยแล้วค่อย merge ไปที่ master branch อีกที<br />
<br />
คนสอนงานเรา supportive มาก<br />
สอนงานเราเยอะมากๆ ด้วยความใจเย็น<br />
<br />
<br />
ชอบที่เราทำพลาดเยอะแค่ไหนเค้าไม่เคยพูดให้เสียกำลังใจเลย<br />
<br />
ทุกๆคำที่ออกมาเวลาเราเอางานไปให้ดูคือ Nice You did great<br />
<br />
ตามด้วย How do u think if we ....<br />
<br />
ตามด้วยคำแนะนำของเค้า<br />
<br />
แต่ในทุกๆครั้งเค้าถามความเห็นเราตลอด บอกเราตลอดว่าที่เราเขียนไปมันไม่มีผิด ไม่มีถูก แต่ถ้าลองปรับแบบนี้จะทำให้โค้ดไม่วุ่นวาย อ่านง่ายขึ้น หรือยูคิดว่าไง<br />
<br />
<br />
เราคิดว่าเราจะเก่งขึ้นอีกเรื่อยๆแน่ๆถ้าเราทำงานที่นี่ต่อ<br />
เพราะเค้าไม่มีปัญหาเรื่อง skill เลย<br />
แค่ทำงานเข้ากับ team ได้<br />
Skill มันจะตามมาเอง<br />
<br />
ทำงานทุกวัน มันก็ต้องเก่งขึ้น deliver งานไวขึ้นแหละ จริงม่ะ :)<br />
<br />
<br />
<br />JPhttp://www.blogger.com/profile/03719715854530734370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8472345581830036845.post-75296895548512817992019-12-10T06:55:00.002-08:002019-12-10T06:55:33.120-08:00Day1# ทำงานวันแรกเข้าทำงานวันแรก<br />
รีบไปแต่เช้ามาก เพราะยังไม่เคยไปสถานที่จริงเลย<br />
ไปถึงตั้งแต่ 8 โมง<br />
ออฟฟิสเงียบ ไม่มีคน ไฟยังไม่เปิด<br />
<br />
เลยเดินลงลิฟต์มานั่งกินกาแฟข้างล่าง<br />
ใกล้ๆ 9 โมงเลยเดินขึ้นไปใหม่<br />
ยังไม่มีคนมาทำงานอีกอยู่ดี เห็นแต่ป้าแม่บ้าน<br />
เลยคุยกับแม่บ้านไปพลางๆก่อน พร้อมกับแนะนำตัวว่า พึ่งมาทำงานวันแรกค่ะ เลยมาเช้า<br />
ป้าเลยพาเดินดูออฟฟิสข้างนอกฆ่าเวลา<br />
<br />
9 โมงเป๊ะ มีคนมาเปิดประตูพอดี<br />
คนในออฟฟิสเดียวกันกับเรามาแล้ว<br />
<br />
ตื่นเต้นมาก<br />
<br />
คนที่เราพาเราไปที่โต๊ะ แล้วก็ช่วยแนะนำเกี่ยวกับออฟฟิศ<br />
แล้วก็ช่วยแกะคอม<br />
ประทับใจมาก ของที่สั่งไปได้ครบเกือบหมด ยกว้นจอมอนิเตอร์ที่ยังไม่มา<br />
<br />
ออฟฟิสเงียบมาก<br />
เราทำตัวไม่ถูก 555<br />
<br />
วันนี้วันแรก เลยยังไม่ได้เรื่มงานอะไรเยอะ ก็มีเซ็นสัญญา เซ็ตคอม นั่งฟัง brief project ต่างๆในบริษัท<br />
มีหลายอย่างให้เรียนรู้อีกเยอะเลย<br />
<br />
มาอยู่นี่แทบไม่ได้พูดภาษาไทยกะใครเลย<br />
พูดเยอะสุดก็กับป้าแม่บ้านเมื่อเช้าแหละมั้ง 555JPhttp://www.blogger.com/profile/03719715854530734370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8472345581830036845.post-47442466131212871612019-11-13T05:10:00.001-08:002019-11-13T05:10:10.032-08:00รีวิวการสมัครงานใหม่ ของเราเอง :)<h2>
เรื่องนี้เริ่มต้นจากการอยากย้ายงานมากๆ</h2>
เราอยู่ที่เดิมมานาน รู้สึกว่าการตื่นไปทำงานแต่ละวันช่างหนักหน่วงสำหรับเราเหลือเกิน<br />
ยิ่งอยู่ไฟยิ่งมอดลงๆ<br />
<br />
เราให้เวลากับตัวเองนานพอสมควร เพราะรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่ต้นปี<br />
แต่ก็ยังไม่อยากออก เพราะรู้สึกว่าก็มีหลายอย่างที่ต้องทำ มีหลายอย่างยังต้องรับผิดชอบ<br />
แต่ความรู้สึกมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงวันนี้คือ "ออกเถอะ" 555+<br />
<br />
<br />
<i>พอคิดแบบนั้น ก็เลยเริ่มตอบรับ recruiter ที่ทักมาบ่อยๆใน LinkedIn ว่า เราก็มองหาโอกาสใหม่ๆในการทำงานเหมือนกัน </i><br />
<br />
<br />
<h3>
คำถามยอดฮิตเวลาคุยกับ recruiter มีดังนี้</h3>
- ความสามารถของเราเอง เคยทำอะไรมาบ้าง<br />
- ทำไมอยากย้ายงาน<br />
- ที่เก่าเงินเดือนเท่าไหร่<br />
- คาดหวังเดือนเท่าไหร่ <br />
- เริ่มงานได้เมื่อไหร่<br />
<br />
ปกติเราก็คุยผ่านช่องแชทใน LinkedIn นั่นแหละ ถ้าเค้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเดี๋ยวเค้าโทรมาคุยกับเราอีกที <br />
<br />
ช่วงที่ผ่านมาเราคุยกับ recruiter หลายคน <br />ลักษณะการดำเนินงานก็จะต่างกันออกไปตามแต่ละเจ้า<br />
<br />
ส่วนใหญ่คือพอคุยกับ recruiter แล้ว เค้าจะหางานที่เข้ากับเรามาให้ แล้วลองให้ไปสัมภาษณ์กับบริษัทดู<br />
ซึ่งการสัมภาษณ์ มีทั้งแบบที่ phone interview ก่อน โดยคนจากบริษัทนั้นๆจะโทรมาสัมภาษณ์เราเอง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ( เนื่องจากงานเราเป็นด้าน programming เพราะฉะนั้นคำถามเวลาสัมภาษณ์ส่วนใหญ่จะเป็นด้าน technical เกี่ยวกับงาน และมีคำถามทั่วไปเช่น ความคาดหวังในการทำงาน แผนในอนาคต 5 ปี 10 ปี และอื่นๆแล้วแต่คนสัมภาษณ์เลย)<br />
<br />
แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ไม่ต้อง phone interview แต่ไปสัมภาษณ์ที่บริษัทเลย<br />
คำถามในการสัมภาษณ์ก็ไม่ต่างกันมาก แต่ที่ต่างคือเราจะได้เห็นบรรยากาศในบริษัท<br />
ตรงนี้ก็เป็นอีกตัวที่ช่วยในการตัดสินใจนะ เพราะเราจะได้ดูว่าการเดินทางสะดวกมั้ย บรรยากาศเป็นยังไง ชอบหรือเปล่า<br />
<br />
<b><br /></b>
<h3>
<b>ปัญหาที่เราเจอเวลาสมัครผ่าน recruiter คือ</b></h3>
<br />1.เค้าทำโปรไฟล์เราสวยเกินจริง พอไปสัมภาษณ์กับลูกค้าแล้วความคาดหวังไม่เท่ากัน เช่น ส่วนตัวเราเคยจับแต่งานด้าน Front-end แต่บริษัทหาคนทำ Full-stack เลย ซึ่ง Skill เรายังไม่ถึงก็เลยพลาดงานไป<br />
<br />
2. เราได้งานตอนที่มีอีกบริษัทนึงรอสัมภาษณ์อยู่พอดี เป็นสัมภาษณ์แบบเห็นหน้า เนื่องจากเราอยากทำกับอีกที่มากกว่า เลยถามทาง recruiter ไปว่าขอยกเลิกนัดได้มั้ย เราแจ้งล่วงหน้าก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ทาง recruiter บอกว่านัดกับทางลูกค้าไปแล้ว อยากให้เราลองไปสัมภาษณ์ดูก่อน เราก็ "อ่ะ ลองไปดูก็ได้" เพราะก็เข้าใจทางรีครูทอยู่ว่าเค้าก็จัดการเรื่องนัดอะไรไปแล้ว<br />
<br />
ทางรีครูทบอกจะส่งเมล์รายละเอียดวันเวลา สถานที่สัมภาษณ์ให้ แต่ก็ไม่มีมา<br />
ถามไปก็บอกเดี๋ยวส่งให้ จนวันพรุ่งนี้คือวันนัดสัมภาษณ์ ก็ยังไม่มีรายละเอียดอะไรเลย<br />
จนเราต้องทักไปถามอีกรอบว่า ตกลงเรายังต้องไปสัมภาษณ์อยู่หรือเปล่า<br />
<br />
<br />
และเค้าก็แจ้งเรากลับตอน 5 โมงเย็นว่าลูกค้าเค้าไม่สะดวก ติดประชุมอะไรสักอย่าง เลยขอยกเลิกนัดไปก่อน<br />
<br />
เราก็นอยด์ๆนิดหน่อยตรงที่ว่า ก่อนหน้านี้ทำไมไม่แจ้งน้า <br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<h3>
ผ่านไปสักพัก</h3>
<i>หลังจากสัมภาษณ์ไปเยอะแยะ</i><br />
<i>ในที่สุดเราก็ได้งานแล้ว เย่ ^^</i><br />
<br />
งานนี้ เป็นงานแรกที่ไม่ได้ผ่าน recruiter แต่ PM ของบริษัททักส่วนตัวเรามาใน Linkedin บอกว่าหาคนทำ VueJS เห็นเราเขียน Skill ไว้ในโปรไฟล์ เลยทักมาถามว่ากำลังมองหางานอยู่หรือเปล่า<br />
<br />
เราตอบตกลง เค้าเลยส่งเมล์มาให้เราใส่รายละเอียด ตามนี้<br /><br />
<b>- ประสบการณ์เกี่ยวกับ VueJS </b><br />
เค้าใช้คำว่า Level of experience เราเลยใส่ว่า Entry Level เพราะเราเคยใช้ VueJS จริงๆไม่กี่เดือน ทำไปแค่โปรเจคเดียว แล้วทีมเราก็เปลี่ยนไปใช้ react เราเลยทิ้ง VueJS ไว้ตรงนั้นพร้อมกับโปรเจคที่จบไป<br />
<br />
ก็เขียนอธิบายไปตามนี้<br />
<br />
<br /><b>- ทำไมอยากย้ายงาน</b><br />
เราตอบเหมือนกันทุกครั้ง ว่าเราอยู่ที่เดิมมานาน อยากลองหาโอกาสใหม่ๆในสายงานด้านนี้<br />
<br />
<b>- เงินเดือนที่อยากได้</b><br />
ไม่บอกตัวเลขและกัน 555+<br />
<br />
<br />
ส่งให้เค้าไปแปบนึง เค้าก็ส่งเมล์กลับมานัดวันสัมภาษณ์<br />ให้เราเลือกวันที่เราสะดวก<br />
พอแจ้งวัน / เวลาให้เค้าเรียบร้อย<br />
เค้าก็ส่งลิ้งประชุมมาให้ ซึ่งรอบนี้เป็น VDO Interview แรกในชีวิตเราเลย<br /><br /><br />เรานัดเค้าวันศุกร์บ่าย เพราะวันนั้นเราลางานพอดี<br />
ตอนเช้าเรามีสัมภาษณ์อีกที่นึง ซึ่งเรานอยด์ๆอยู่หน่อยเพราะแก้โจทย์ไม่ได้<br />
รู้ตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์แหละว่าไม่ได้แน่นอน <br />
พาลคิดไปว่า เอ๋ หรือตัวเราเองเรียกเงินเดือนสูงเกินความสามารถตัวเองหรือเปล่า<br />
<br />
<br />
พอถึงเวลาสัมภาษณ์ เราสัมภาษณ์ผ่าน Google Hangout ลิ้งที่เค้าให้มา<br />คนสัมภาษณ์เรามี 2 คน เป็น PM ที่ทักเรามา กับ Technical Lead ของบริษัท<br />
เค้าถามเกี่ยวกับงานปัจจุบันที่เราทำอยู่ว่ารับผิดชอบส่วนไหน<br />
ทำอะไรบ้าง และก็ถามประสบการณ์เกี่ยวกับ VueJS ว่าใช้ VueJS ทำอะไร<br />
นอกนั้นก็เรื่องทั่วๆไป<br /><br />
เป็นการสัมภาษณ์ที่ไม่กดดัน และสนุกที่สุดในการสัมภาษณ์งานที่เราเคยผ่านมาเลยก็ว่าได้<br />
เรารู้สึกว่า ในด้าน technical เค้าไม่ได้คาดคั้นว่าเราจะต้องรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้<br />
<br />
จำได้ว่าเค้าถามเราว่า จาก 1 - 10 ให้ skill ด้าน VueJS ตัวเองเท่าไหร่ <br />เราให้ตัวเอง 6 คะแนน<br />
เค้าบอกเราว่า 6 คะแนนก็ไม่ได้แย่ ว่าแต่ทำไมให้ตัวเอง 6 คะแนน<br />
<br />
เรามีเหตุผลของเราแหละ และก็บอกเค้าไปตรงๆเลยว่า<i><br /></i><br />
<br />
<i>"จริงๆเราเคยทำแบบทดสอบนะ ในเว็บ Pluralsight มันเป็นเว็บ tutorial คล้ายๆ Udemy นี่แหละ</i><br /><i></i><br />
<i>คะแนนมันแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ Novice, Proficientcy, และ Expert</i><br />
<i>ตอนทำเทส VueJS เราได้ Novice เป็นระดับอ่อนหัดสุดเลย</i><br />
<i>เราทำไปทั้งหมด 4 test --> </i><br />
<i> react - proficiency, </i><br />
<i>Javascript - proficientcy, </i><br />
<i>HTML - proficiency, </i><br />
<i>CSS - novice"</i><br />
<i><br /></i>
เค้ายิ้มๆและก็บอกเราว่าจริงๆเราเรียนรู้กันใหม่ได้ ไม่เป็นไร<br />
เค้ามองหาคนที่เข้ากับทีมได้ และก็พร้อมเรียนรู้<br />
ของพวกนี้มันฝึกกันได้ <br /><i></i><br />
<i> </i><br />
แล้วเค้าก็เล่าเกี่ยวกับบริษัทแหละว่าทำอะไรบ้าง ใช้เทคโนโลยีอะไร ถ้าเราเข้าไปเราจะไปอยู่ส่วนไหนของทีม และมีหน้าที่รับผิดชอบประมาณไหน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอะไรที่เราสนุกมาก ไม่รู้สึกว่าโดนสัมภาษณ์อยู่เลย แต่เป็นลักษณะการพูดคุยกันธรรมดามากกว่า<br /><br />จบสัมภาษณ์วันนั้น<br />
เค้าส่งเมล์มาใหม่อีก 1 ฉบับ<br />
เป็นแบบทดสอบ ให้เราเขียนโค้ดทำหน้าเว็บโดยใช้ VueJS<br />
ตัวเว็บมีถูกออกแบบไว้แล้ว ให้ asset มาครบ<br />
ที่เราต้องทำให้เขียนโค้ดให้มันออกมาเหมือนที่ดีไซน์ไว้ก็พอ<br />
เสร็จแล้วอัพโค้ดลง Github ในลิ้งที่เค้าให้มา<br />
<br />
ที่เราประทับใจคือ เค้าจ่ายค่าชั่วโมงทำงานให้ด้วย<br />
ให้เราลงเวลาไปด้วยว่า task นี้ ทำไปกี่ชั่วโมง แล้วเค้าจะจ่ายให้ตามนั้น<br />
<br />
จากที่นอยด์ๆตอนเช้า<br />
สัมภาษณ์เสร็จเราแฮปปี้มากเลย<br />
ยิ่งได้อีเมล์ที่ทางบริษัทให้งานชิ้นแรกยิ่งแฮปปี้ไปใหญ่<br />
<br />
<br />
หลังจากนั้นเราก็ทำ task ไป แล้วส่งให้เค้าทาง Github แหละ<br />
และผลคือ <b>เราผ่านเทสด้วยจ้า</b> เย่<br />
ได้เงินค่าทำ แถมได้เงินเดือนตามที่ขอไปด้วย<br />
เราชอบมากๆเลย<br />
ที่นี่ไม่วุ่นวายเรื่องเอกสาร<br />
ไม่ต่อรองเงินเดือน ไม่บอกว่าเราขอเงินเดือนสูงไป >.<<br />
<br />
<br /><br />
เราอยากลองทำงานใน บ.ต่างชาติมานานแล้ว<br />
ยิ่งในทีมมีหลายๆชาติยิ่งเป็นโอกาสดีของเราเลย<br />
<br />
ระยะการทดลองงานเราคือ 3 เดือน <br />เดี๋ยวมาดูกันต่อว่าจะเป็นยังไง<br />
<br />
<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
สุดท้ายนี้</div>
<div style="text-align: center;">
อยากเป็นกำลังใจให้คนที่หางานอยู่</div>
<div style="text-align: center;">
ไปสัมภาษณ์แล้วไม่ผ่าน โดนเทบ่อยๆ ก็อย่าพึ่งหมดหวังในตัวเอง</div>
<div style="text-align: center;">
เราแค่ยังไม่เจองานที่เหมาะกันเรา</div>
<div style="text-align: center;">
ให้พยายามพัฒนาทักษะตัวเองไปเรื่อยๆ และอย่าปิดโอกาส</div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
เราว่าเดี๋ยวก็เจอที่ๆใช่เอง :) </div>
JPhttp://www.blogger.com/profile/03719715854530734370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8472345581830036845.post-18884214661026553012019-10-19T09:38:00.003-07:002019-10-19T09:40:39.343-07:00[Movie] Joker ไม่มีใครอยากเป็นตัวตลกในชีวิตจริงJoker (2019)<br />
<br />
วันนี้ได้มีโอกาสดูเรื่อง Joker ซึ่งเป็นเรื่องของชายที่อาศัยอยู่ในอเมริกันคนหนึ่ง ชื่อ <b>อาเธอร์</b><br />
เป็นชีวิตที่เรียกได้ว่าทั้งถูกกดขี่ ถูกหยาดหยาม ทั้งชีวิตเจอแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง<br />
นอกจากโรคทางจิตเวชที่เผชิญอยู่ ยังต้องมาเจอกับสารพัดปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา<br />
<br />
อาเธอร์มีความฝันอยากเป็นนักแสดงตลกเดี่ยว น่าจะอารมณ์เดี่ยวไมโครโฟน<br />
แต่เหมือนกับว่าคนกลับไม่ได้สนุกกับเรื่องเล่าของเขาเลยแม้แต่น้อย<br />
ชีวิตเค้าต่างหากที่น่าตลกยิ่งกว่า<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<iframe allowfullscreen="" class="YOUTUBE-iframe-video" data-thumbnail-src="https://i.ytimg.com/vi/zAGVQLHvwOY/0.jpg" frameborder="0" height="266" src="https://www.youtube.com/embed/zAGVQLHvwOY?feature=player_embedded" width="320"></iframe><br />
<br />
โรคที่เขาเป็นอยู่คืออาการที่ควบคุมการหัวเราะไม่ได้ เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งในกลุ่ม Pseudobulbar affect (PBA) ซึ่งผู้ป่วยอาจจะแสดงออกด้วยการร้องไห้ หรือหัวเราะออกมา ในกรณีของอาเธอร์ เป็น Pathological laughing คืออาการที่ควบคุมการแสดงอารมณ์ไม่ได้ และหัวเราะออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งๆที่ไม่มีเรื่องตลกเลยด้วยซ้ำ<br />
<br />
อาการที่เป็นคือมีอาการหัวเราะอย่างรุนแรง ควบคุมไม่ได้ การแสดงสีหน้าไม่ตรงกับอารมณ์ สิ่งนี้ส่งผลกับการดำเนินชีวิตของเขาเป็นอย่างมาก เพราะถ้าคนไม่เข้าใจ ก็จะพาลโมโหไปว่าทำไมต้องหัวเราะ มีเรื่องอะไรให้ขำนักหนา ทั้งๆที่เรื่องมันไม่ตลกเลยสักนิด<br />
<br />
<br />
ทั้งๆที่จริงเขาอาจจะเศร้าอยู่ก็ได้<br />
แต่ด้วยโรคที่เป็น ทำให้เขาหัวเราะออกมาดังๆแบบนั้น<br />
<br />
<br />
เรื่องนี้ ดูแล้วหดหู่ อึดอัด<br />
เป็นเรื่องของผู้ชายคนนึงที่ทั้งชีวิตต้องเจอกับอะไรก็ไม่รู้<br />
ทำให้พอถึงจุดๆนึงเขาก็ระเบิดมันออกมา<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<br />
ตอนที่ดูหนังไป ในใจเรารู้สึกเหนื่อยแทนอาเธอร์ การต้องมาเจอกับสังคม ผู้คนแบบนั้น ไม่แปลกเลยที่เขาจะกลายมาเป็น Joker <br />
<br />
สิ่งที่เขาต้องเจอในทุกๆวัน สภาพของการเป็นคนหาเช้ากินค่ำ เงินไม่มี บวกกับโรคที่เป็นหล่อหลอมให้เขาจมดิ่งลึกลงไป จนถึงจุดที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เขาระเบิดออกมา จนกลายร้างเป็นฆาตกรคนนึง<br />
<br />
<br />
ส่วนตัวเราชอบนะ<br />
หลายสำนักบอกว่าหนังเรื่องนี้หดหู่ จิตตก<br />
แต่เราสบายมากๆเลย ดูแล้วสงสารมากกว่า<br />
ชีวิตคนๆนึงต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย<br />
<br />
<br />
มีประโยคนึงในหนังเราชอบมาก เป็นประโยคที่เขียนไว้ในสมุดของโจ๊กเกอร์<br />
<br />
<blockquote class="tr_bq">
I wish my death makes more cents than my life <br />
ผมหวังว่าความตายของผม จะมีราคามากกว่าชีวิตของผม</blockquote>
หนังเรื่องนี้ดูแล้วเหนื่อย จิตตก<br />
แต่ชอบหนังดราม่า หนังที่เน้นอารมณ์ของตัวละครเยอะๆ<br />
เราแนะนำให้ดูเรื่องนี้ เพราะคุณจะได้เห็นพัฒนาการทางอารมณ์ของอาเธอร์<br />
และเข้าใจเลยว่า อะไรทำให้คนดีๆคนนึงกลายร่างมาเป็นฆาตกรได้<br />
<br />
<br />
ก่อนจากกัน ใครว่า Joker ยังหดหู่ไม่พอ แนะนำให้ดูเรื่อง <span style="font-size: medium;"><b><span style="color: black;">Soredemo Ikite Yuku </span></b></span>เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นค่ะ
เป็นเรื่องของครอบครัวของเด็กคนนึงที่ลงมือฆ่าคนไป
เนื่อเรื่องจะเน้นให้เห็นถึงชีวิตต่อจากนั้น
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของฆาตกรคนฆ่าเอง ชีวิตของครอบครัวฆาตกร
หรือชีวิตของครอบครัวเหยื่อ <br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEioiDaIYeU2Fzzyz6r7Fz6GTunpyjq_B3ObQtz6F2MeWGnXdWyUsXNN0TeZJ7RtaDx6BSnHmAu7_Pou_Ttdw1ccjxZ0kABZ6JLODJvwWvNilxw5lGEZfKk3g7KSp0XxgsNanfx3wj0UxY4/s1600/odi4olce8IWlstOQwbl-o.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="639" data-original-width="641" height="319" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEioiDaIYeU2Fzzyz6r7Fz6GTunpyjq_B3ObQtz6F2MeWGnXdWyUsXNN0TeZJ7RtaDx6BSnHmAu7_Pou_Ttdw1ccjxZ0kABZ6JLODJvwWvNilxw5lGEZfKk3g7KSp0XxgsNanfx3wj0UxY4/s320/odi4olce8IWlstOQwbl-o.jpg" width="320" /></a></div>
<span style="font-size: medium;"><b><span style="color: black;"><br /></span></b></span>
<span style="font-size: medium;"><b><span style="color: black;"><br /></span></b></span>
เราดูเรื่องนี้แล้วจิตตกไปหลายวัน ทนดูไม่จบด้วย รู้สึกว่ามันมืดมนเกินไป<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />JPhttp://www.blogger.com/profile/03719715854530734370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8472345581830036845.post-50601511513837995082019-10-19T00:17:00.003-07:002019-10-19T00:17:43.502-07:00การตลาดแบบ Mixtuarant - จับคู่ธุรกิจร้านอาหารกับธุรกิจอื่นวันนี้มีโอกาสได้ดูคลิปวีดีโอหนึ่งเรื่องการตลาด<br />
เป็นการทำการตลาดแบบจับคู่ธุรกิจร้านอาหารกับธุรกิจอื่นเข้ามาไว้ด้วยกัน การตลาดแบบนี้ถูกเรียกว่า Mixtaurant (mix+restaurant)<br />
<br />
<ul>
<li>ร้านตัดผม x บาร์</li>
<li>ร้านซักรีด x คาเฟ่</li>
<li>ยิม x ร้านขายสลัด</li>
</ul>
<div>
<br /></div>
<div>
ยกตัวอย่าง ร้านตัดผม x บาร์ เป็นเรื่องของร้านตัดผมที่ยกบาร์มาเปิดไว้ใกล้ๆด้วย</div>
<div>
ชื่อร้าน <a class="rd-header__rst-name-main" href="https://tabelog.com/en/fukuoka/A4001/A400104/40049143/">MERICAN BARBERSHOP FUK</a> ร้านนี้พิเศษตรงนี้มีบาร์ให้บริการด้วย โดยลูกค้าที่มาตัดผม จะสามารถรับเครื่องดื่มจากบาร์ได้เลยฟรี 1 แก้ว </div>
<div>
<br /></div>
<div>
ลูกค้าสามารถนั่งเลือกแบบ คุยกับช่างตัดผม เลือกรูปแบบทรงผม จิบเครื่องดื่มอร่อยๆ ระหว่างรอได้ ทำให้การรอตัดผมกลายเป็นเรื่องสนุกไปเลย</div>
<div>
<br /></div>
<div>
นอกจากที่ ทางร้านยังมีอาหารให้บริการอีกด้วย ถ้าเกิดหิวระหว่างรอตัดผม หรือตัดผมเสร็จแล้วก็สามารถไปหาอะไรอร่อยๆทานได้เลย</div>
<br />
<br />
<div>
<br /></div>
<div>
เราเป็นธุรกิจอีกแบบที่น่าสนใจ และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจด้วย </div>
<div>
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen="" class="YOUTUBE-iframe-video" data-thumbnail-src="https://i.ytimg.com/vi/_D71-_MgwSQ/0.jpg" frameborder="0" height="366" src="https://www.youtube.com/embed/_D71-_MgwSQ?feature=player_embedded" width="420"></iframe></div>
<div>
<br /></div>
<br />
<br />
<br />JPhttp://www.blogger.com/profile/03719715854530734370noreply@blogger.com0