รีวิวการสมัครงานใหม่ ของเราเอง :)

เรื่องนี้เริ่มต้นจากการอยากย้ายงานมากๆ

เราอยู่ที่เดิมมานาน รู้สึกว่าการตื่นไปทำงานแต่ละวันช่างหนักหน่วงสำหรับเราเหลือเกิน
ยิ่งอยู่ไฟยิ่งมอดลงๆ

เราให้เวลากับตัวเองนานพอสมควร เพราะรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่ต้นปี
แต่ก็ยังไม่อยากออก เพราะรู้สึกว่าก็มีหลายอย่างที่ต้องทำ มีหลายอย่างยังต้องรับผิดชอบ
แต่ความรู้สึกมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงวันนี้คือ "ออกเถอะ" 555+


พอคิดแบบนั้น ก็เลยเริ่มตอบรับ recruiter ที่ทักมาบ่อยๆใน LinkedIn ว่า เราก็มองหาโอกาสใหม่ๆในการทำงานเหมือนกัน 


คำถามยอดฮิตเวลาคุยกับ recruiter มีดังนี้

- ความสามารถของเราเอง เคยทำอะไรมาบ้าง
- ทำไมอยากย้ายงาน
- ที่เก่าเงินเดือนเท่าไหร่
- คาดหวังเดือนเท่าไหร่ 
- เริ่มงานได้เมื่อไหร่

ปกติเราก็คุยผ่านช่องแชทใน LinkedIn นั่นแหละ ถ้าเค้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเดี๋ยวเค้าโทรมาคุยกับเราอีกที

ช่วงที่ผ่านมาเราคุยกับ recruiter หลายคน
ลักษณะการดำเนินงานก็จะต่างกันออกไปตามแต่ละเจ้า

ส่วนใหญ่คือพอคุยกับ recruiter แล้ว เค้าจะหางานที่เข้ากับเรามาให้ แล้วลองให้ไปสัมภาษณ์กับบริษัทดู
ซึ่งการสัมภาษณ์ มีทั้งแบบที่  phone interview ก่อน โดยคนจากบริษัทนั้นๆจะโทรมาสัมภาษณ์เราเอง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ( เนื่องจากงานเราเป็นด้าน programming เพราะฉะนั้นคำถามเวลาสัมภาษณ์ส่วนใหญ่จะเป็นด้าน technical เกี่ยวกับงาน และมีคำถามทั่วไปเช่น ความคาดหวังในการทำงาน แผนในอนาคต 5 ปี 10 ปี  และอื่นๆแล้วแต่คนสัมภาษณ์เลย)

แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ไม่ต้อง phone interview แต่ไปสัมภาษณ์ที่บริษัทเลย
คำถามในการสัมภาษณ์ก็ไม่ต่างกันมาก แต่ที่ต่างคือเราจะได้เห็นบรรยากาศในบริษัท
ตรงนี้ก็เป็นอีกตัวที่ช่วยในการตัดสินใจนะ เพราะเราจะได้ดูว่าการเดินทางสะดวกมั้ย บรรยากาศเป็นยังไง ชอบหรือเปล่า


ปัญหาที่เราเจอเวลาสมัครผ่าน recruiter คือ


1.เค้าทำโปรไฟล์เราสวยเกินจริง พอไปสัมภาษณ์กับลูกค้าแล้วความคาดหวังไม่เท่ากัน  เช่น ส่วนตัวเราเคยจับแต่งานด้าน Front-end แต่บริษัทหาคนทำ Full-stack เลย ซึ่ง Skill เรายังไม่ถึงก็เลยพลาดงานไป

2. เราได้งานตอนที่มีอีกบริษัทนึงรอสัมภาษณ์อยู่พอดี เป็นสัมภาษณ์แบบเห็นหน้า เนื่องจากเราอยากทำกับอีกที่มากกว่า เลยถามทาง recruiter ไปว่าขอยกเลิกนัดได้มั้ย เราแจ้งล่วงหน้าก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ทาง recruiter บอกว่านัดกับทางลูกค้าไปแล้ว อยากให้เราลองไปสัมภาษณ์ดูก่อน เราก็ "อ่ะ ลองไปดูก็ได้" เพราะก็เข้าใจทางรีครูทอยู่ว่าเค้าก็จัดการเรื่องนัดอะไรไปแล้ว

ทางรีครูทบอกจะส่งเมล์รายละเอียดวันเวลา สถานที่สัมภาษณ์ให้ แต่ก็ไม่มีมา
ถามไปก็บอกเดี๋ยวส่งให้ จนวันพรุ่งนี้คือวันนัดสัมภาษณ์ ก็ยังไม่มีรายละเอียดอะไรเลย
จนเราต้องทักไปถามอีกรอบว่า ตกลงเรายังต้องไปสัมภาษณ์อยู่หรือเปล่า


และเค้าก็แจ้งเรากลับตอน 5 โมงเย็นว่าลูกค้าเค้าไม่สะดวก ติดประชุมอะไรสักอย่าง เลยขอยกเลิกนัดไปก่อน

เราก็นอยด์ๆนิดหน่อยตรงที่ว่า ก่อนหน้านี้ทำไมไม่แจ้งน้า








ผ่านไปสักพัก

หลังจากสัมภาษณ์ไปเยอะแยะ
ในที่สุดเราก็ได้งานแล้ว เย่ ^^

งานนี้ เป็นงานแรกที่ไม่ได้ผ่าน recruiter แต่ PM ของบริษัททักส่วนตัวเรามาใน Linkedin บอกว่าหาคนทำ VueJS   เห็นเราเขียน Skill ไว้ในโปรไฟล์ เลยทักมาถามว่ากำลังมองหางานอยู่หรือเปล่า

เราตอบตกลง เค้าเลยส่งเมล์มาให้เราใส่รายละเอียด ตามนี้

-  ประสบการณ์เกี่ยวกับ VueJS 
เค้าใช้คำว่า  Level of experience เราเลยใส่ว่า Entry Level เพราะเราเคยใช้ VueJS จริงๆไม่กี่เดือน ทำไปแค่โปรเจคเดียว แล้วทีมเราก็เปลี่ยนไปใช้  react เราเลยทิ้ง VueJS ไว้ตรงนั้นพร้อมกับโปรเจคที่จบไป

ก็เขียนอธิบายไปตามนี้


- ทำไมอยากย้ายงาน
เราตอบเหมือนกันทุกครั้ง ว่าเราอยู่ที่เดิมมานาน อยากลองหาโอกาสใหม่ๆในสายงานด้านนี้

- เงินเดือนที่อยากได้
ไม่บอกตัวเลขและกัน  555+


ส่งให้เค้าไปแปบนึง เค้าก็ส่งเมล์กลับมานัดวันสัมภาษณ์
ให้เราเลือกวันที่เราสะดวก
พอแจ้งวัน / เวลาให้เค้าเรียบร้อย
เค้าก็ส่งลิ้งประชุมมาให้ ซึ่งรอบนี้เป็น VDO Interview แรกในชีวิตเราเลย


เรานัดเค้าวันศุกร์บ่าย เพราะวันนั้นเราลางานพอดี
ตอนเช้าเรามีสัมภาษณ์อีกที่นึง ซึ่งเรานอยด์ๆอยู่หน่อยเพราะแก้โจทย์ไม่ได้
รู้ตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์แหละว่าไม่ได้แน่นอน
พาลคิดไปว่า เอ๋ หรือตัวเราเองเรียกเงินเดือนสูงเกินความสามารถตัวเองหรือเปล่า


พอถึงเวลาสัมภาษณ์ เราสัมภาษณ์ผ่าน Google Hangout ลิ้งที่เค้าให้มา
คนสัมภาษณ์เรามี 2 คน เป็น PM ที่ทักเรามา กับ Technical Lead ของบริษัท
เค้าถามเกี่ยวกับงานปัจจุบันที่เราทำอยู่ว่ารับผิดชอบส่วนไหน
ทำอะไรบ้าง และก็ถามประสบการณ์เกี่ยวกับ VueJS ว่าใช้ VueJS ทำอะไร
นอกนั้นก็เรื่องทั่วๆไป

เป็นการสัมภาษณ์ที่ไม่กดดัน และสนุกที่สุดในการสัมภาษณ์งานที่เราเคยผ่านมาเลยก็ว่าได้
เรารู้สึกว่า ในด้าน technical เค้าไม่ได้คาดคั้นว่าเราจะต้องรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้

จำได้ว่าเค้าถามเราว่า จาก 1 - 10 ให้ skill ด้าน VueJS ตัวเองเท่าไหร่
เราให้ตัวเอง 6 คะแนน
เค้าบอกเราว่า 6 คะแนนก็ไม่ได้แย่ ว่าแต่ทำไมให้ตัวเอง 6 คะแนน

เรามีเหตุผลของเราแหละ และก็บอกเค้าไปตรงๆเลยว่า


"จริงๆเราเคยทำแบบทดสอบนะ ในเว็บ Pluralsight มันเป็นเว็บ tutorial คล้ายๆ Udemy นี่แหละ

คะแนนมันแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ Novice, Proficientcy, และ Expert
ตอนทำเทส VueJS  เราได้ Novice เป็นระดับอ่อนหัดสุดเลย
เราทำไปทั้งหมด 4 test --> 
 react - proficiency, 
Javascript - proficientcy, 
HTML - proficiency, 
CSS - novice"

เค้ายิ้มๆและก็บอกเราว่าจริงๆเราเรียนรู้กันใหม่ได้ ไม่เป็นไร
เค้ามองหาคนที่เข้ากับทีมได้ และก็พร้อมเรียนรู้
ของพวกนี้มันฝึกกันได้

 
แล้วเค้าก็เล่าเกี่ยวกับบริษัทแหละว่าทำอะไรบ้าง ใช้เทคโนโลยีอะไร ถ้าเราเข้าไปเราจะไปอยู่ส่วนไหนของทีม และมีหน้าที่รับผิดชอบประมาณไหน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นอะไรที่เราสนุกมาก ไม่รู้สึกว่าโดนสัมภาษณ์อยู่เลย แต่เป็นลักษณะการพูดคุยกันธรรมดามากกว่า

จบสัมภาษณ์วันนั้น
เค้าส่งเมล์มาใหม่อีก 1 ฉบับ
เป็นแบบทดสอบ ให้เราเขียนโค้ดทำหน้าเว็บโดยใช้ VueJS
ตัวเว็บมีถูกออกแบบไว้แล้ว ให้ asset มาครบ
ที่เราต้องทำให้เขียนโค้ดให้มันออกมาเหมือนที่ดีไซน์ไว้ก็พอ
เสร็จแล้วอัพโค้ดลง Github ในลิ้งที่เค้าให้มา

ที่เราประทับใจคือ เค้าจ่ายค่าชั่วโมงทำงานให้ด้วย
ให้เราลงเวลาไปด้วยว่า task นี้  ทำไปกี่ชั่วโมง แล้วเค้าจะจ่ายให้ตามนั้น

จากที่นอยด์ๆตอนเช้า
สัมภาษณ์เสร็จเราแฮปปี้มากเลย
ยิ่งได้อีเมล์ที่ทางบริษัทให้งานชิ้นแรกยิ่งแฮปปี้ไปใหญ่


หลังจากนั้นเราก็ทำ task ไป แล้วส่งให้เค้าทาง Github แหละ
และผลคือ เราผ่านเทสด้วยจ้า เย่
ได้เงินค่าทำ แถมได้เงินเดือนตามที่ขอไปด้วย
เราชอบมากๆเลย
ที่นี่ไม่วุ่นวายเรื่องเอกสาร
ไม่ต่อรองเงินเดือน ไม่บอกว่าเราขอเงินเดือนสูงไป >.<



เราอยากลองทำงานใน บ.ต่างชาติมานานแล้ว
ยิ่งในทีมมีหลายๆชาติยิ่งเป็นโอกาสดีของเราเลย

ระยะการทดลองงานเราคือ 3 เดือน
เดี๋ยวมาดูกันต่อว่าจะเป็นยังไง



สุดท้ายนี้
อยากเป็นกำลังใจให้คนที่หางานอยู่
ไปสัมภาษณ์แล้วไม่ผ่าน โดนเทบ่อยๆ ก็อย่าพึ่งหมดหวังในตัวเอง
เราแค่ยังไม่เจองานที่เหมาะกันเรา
ให้พยายามพัฒนาทักษะตัวเองไปเรื่อยๆ และอย่าปิดโอกาส

เราว่าเดี๋ยวก็เจอที่ๆใช่เอง :)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

[Movie] Joker ไม่มีใครอยากเป็นตัวตลกในชีวิตจริง

การตลาดแบบ Mixtuarant - จับคู่ธุรกิจร้านอาหารกับธุรกิจอื่น

แชร์ประสบการณ์มีรถครั้งแรก - 1 (2020)